14 มิถุนายน 2554

'สถิติ' ปรับเวลาทำสำมะโนธุรกิจ นำร่องไอทีเก็บข้อมูลก่อนใช้จริง

       สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปรับเวลาจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมลงเหลือ 5 ปี อัปเดตข้อมูลธุรกิจเพื่อประโยชน์ของประเทศ ยืนยันข้อมูลไม่รั่วไหล วอนเอกชนร่วมทำงานเพื่อชาติ พร้อมนำร่องใช้ระบบ e - Service และ e - Questionnaire เก็บข้อมูล 
        นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ (คนกลาง) ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาในจัดทำสำมะโนธุรกิจและ อุตสาหกรรมจากเดิมที่จัดทำทุกๆ 10 ปี ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ มาเป็น 5 ปีแทน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต มีผลให้โครงสร้างของธุรกิจการค้า การบริการและการผลิตเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะภาคการผลิตที่มีบทบาทอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของไทย โดยมีมูลค่าผลผลิตประมาณ 2 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีในแต่ละปี ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานถึงประมาณ 5.8 ล้านคน ในขณะที่ภาคธุรกิจการค้าและบริการก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมีมูลค่าผลผลิตประมาณ 1 ใน 5 ของจีดีพี มีการจ้างงานประมาณ 10 ล้านคน
     
       'สถิติและสารสนเทศเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของการประกอบการดังกล่าว จึงมีความจำเป็นสำหรับภาครัฐและเอกชนในการกำหนดนโยบายในการเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขันในเวทีการค้าโลกอย่างยิ่ง'
     
       ในช่วงปีระหว่างการจัดทำสำมะโน หน่วยงานต่างๆ จะต้องใช้ข้อมูลสำมะโนธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการ ปี 2545 และสำมะโนอุตสาหกรรม ปี 2550 มาเป็นฐานในการคำนวณ เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปีหรือ 10 ปี โครงสร้างด้านเศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะภาคการผลิต และการดำเนินธุรกิจการค้าและบริการเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลชุดใหม่มาใช้งาน มิฉะนั้นอาจทำให้การประมาณการผิดทิศทาง เกิดความคลาดเคลื่อนสูงและขาดความเชื่อมั่น ในการนำไปจัดทำตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การจัดทำบัญชีประชาชาติของประเทศ (GDP) ดัชนีอุตสาหกรรมการผลิต ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาขายปลีก ตารางปัจจัยการผลิตของประเทศ เป็นต้น
     
       สำหรับการลงพื้นที่ในปี 2555 นี้ ทางสำนักงานฯ ได้แบ่งขั้นตอนการจัดเก็บข้อมูลออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงสิ้นเดือนมิถุนายน โดยมีเจ้าหน้าที่ในนาม คุณมาดี ที่สวมเสื้อโปโลสีส้มจำนวน 1,500 คน เพื่อลงพื้นที่ สัมภาษณ์ผู้ประกอบการทั่วประเทศจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ ประเภทของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งทางด้านธุรกิจการค้าไม่ว่าจะค้าปลีกหรือค้า ส่ง ธุรกิจทางการบริการ การผลิต การก่อสร้าง การขนส่งทางบกและสถานที่เก็บสินค้า กิจกรรมด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร และโรงพยาบาลเอกชน ส่วนในระยะที่ 2 ที่จะทำในปี 2555 นั้น จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียด โดยจะสอบถามจากสถานประกอบการเฉพาะที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการค้าปลีก-ค้า ส่ง การบริการและการผลิต
     
       นายวิบูลย์ทัต กล่าวเพิ่มเติมว่า การ เปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งอย่างซึ่งเรียกว่าเป็นมิติใหม่ของการทำสำมะโนก็ว่าได้ นั่นคือ การนำระบบ e - Service และ e - Questionnaire มาใช้ในบางพื้นที่เป็นการนำร่องเพื่อประเมินตามความเหมาะสมของระบบ ไม่ว่าจะเป็นผลดีผลเสีย และความสามารถในการลดขั้นตอน เวลา ค่าใช้จ่าย ข้อผิดพลาด รวมทั้งความสามารถในการประมวลผลเป็นรายวัน หากได้ผลดีก็จะขยายพื้นที่ต่อไป
     
       การนำเทคโนโลยีมาใช้จะทำให้การจัดทำสำมะโนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นจากการลงพื้นที่ทำสำมะโนในปีนี้ก็ยังคงมี เหมือนครั้งก่อนๆ คือ บางพื้นที่น้ำท่วม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะอย่างไรก็ตามยังสามารถดำเนินงานคืบหน้าไปได้ เกือบ 70% แล้ว
     
       'แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาก คือ สถานประกอบการบางแห่งยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลมากนัก บางแห่งเกรงว่าข้อมูลที่ให้ไปจะเกิดการรั่วไหล จึงขอให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ให้มาจะไม่รั่วไหล ไม่เกี่ยวพันกับข้อกฎหมาย และไม่โยงใยเรื่องภาษี ข้อมูลรายสถานประกอบการจะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีการนำไปเปิดเผยอย่างแน่นอน เพราะสำนักงานสถิติแห่งชาติจะนำไปประมวลเป็นยอดรวมทางสถิติและเสนอผลใน ภาพรวมเท่านั้น'


ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...